เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ 11.00-20.00 | วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 10.00-20.00
  06 3868 9925 | 02 853 3863
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ 11.00-20.00
วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 10.00-20.00
  06 3868 9925 | 02 853 3863
#

💥Kagongjok Syndrome … ชีวิตในภาพฝัน!!!

ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตมนุษย์ “โลกเสมือน” ได้เปลี่ยนจากพื้นที่สื่อสารเป็นพื้นที่อยู่อาศัยทางจิตใจของผู้คนจำนวนมาก หนึ่งในปรากฏการณ์ที่สะท้อนพฤติกรรมนี้อย่างเด่นชัดคือ “Kagongjok” หมายถึง “คนกลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนมากกว่าโลกจริง” ส่วน “Kagongjok Syndrome” หรือ “ชีวิตในภาพฝัน” หมายถึง ภาวะหรือกลุ่มอาการที่บุคคลหมกมุ่นกับโลกออนไลน์จนส่งผลกระทบต่อชีวิตจริง ซึ่งเกิดขึ้นในเกาหลีใต้และกำลังขยายตัวไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย ภาวะนี้ไม่ได้เป็น “โรค” ในเชิงการแพทย์ แต่เป็น “อาการทางจิตสังคม” ที่สะท้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นทั้งการเชื่อมโยงและกักขังในเวลาเดียวกัน

⚠️ ลักษณะ Kagongjok Syndrome ดังนี้

  • แยกตัวออกจากสังคมจริง (Social Withdrawal) เก็บตัวอยู่แต่ในที่พัก นานหลายวันหรือหลายสัปดาห์
  • ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับอุปกรณ์ดิจิทัล (Digital Immersion) คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือโลกเสมือน เช่น เกม โซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล
  • หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมจริง จะรู้สึกอึดอัด เครียด เมื่ออยู่กับคนอื่น
  • รูปแบบการนอนและการกินผิดปกติ เช่น นอนดึก มาก หรือ นอนในตอนเช้า ไม่ออกไปข้างนอก
  • รู้สึกไร้คุณค่า มีแนวโน้มวิตกกังวลทางสังคมหรือซึมเศร้า (Anxiety/Depression)

📌 กลไกทางจิตที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโลกดิจิทัล มีดังนี้

  1. กลไกการป้องกันตนเอง (Defense Mechanisms)
    • Withdrawal การออกจากโลกความเป็นจริงเข้าสู่โลกดิจิทัลหรือโลกเสมือนเพื่อลดความทุกข์
    • Fantasy การใช้โลกดิจิทัลแทนโลกจริงเพื่อชดเชยความไม่พึงพอใจ
    • Denial การปฏิเสธปัญหาในชีวิตจริงด้วยการหันหลังให้โลกจริงเข้าสู่โลกเสมือนในฝัน
  2. ภาวะเสพติดดิจิทัล (Digital Addiction) : สมองของมนุษย์เรียนรู้และตอบสนองต่อรางวัลเล็ก ๆ จากโลกออนไลน์ เช่น การแจ้งเตือนหรือยอดติดตาม มีการหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) เมื่อเกิดซ้ำ ๆ จึงทำให้สมอง “เสพติดความพึงพอใจทันที” และไม่สามารถทนต่อความเบื่อหรือความล่าช้าในชีวิตจริงได้อีก
  3. การสูญเสียอัตลักษณ์ (Identity Diffusion) : บุคคลสามารถสร้างภาพตัวตนที่ฝันไว้ในโลกออนไลน์ได้ตามต้องการ เมื่อภาพตัวตนนั้นได้รับการยอมรับมากกว่า “ตัวจริง” ในโลกภายนอก จึงเกิดความสับสนระหว่าง ตัวตนดิจิทัล (Digital Self) กับ ตัวตนจริง (Real Self)
  4. วัฒนธรรมและรากทางสังคม : สังคมเกาหลีใต้มีลักษณะของ สังคมแข่งขันสูง (Hyper-competitive Society) โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและอาชีพ ความคาดหวังทางครอบครัวสูง ทำให้เยาวชนจำนวนมากเกิดภาวะกดดันเรื้อรัง (Chronic Stress) โลกออนไลน์จึงกลายเป็น “ที่พักใจ” ที่ไม่ต้องถูกวัดคุณค่าด้วยเกรดหรือเงินเดือน แต่ด้วย “ยอดวิว” และ “ยอดไลก์” การเก็บตัวในพื้นที่ดิจิทัล เพื่อหาความสุขและหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในโลกความเป็นจริง

🔥 ผลกระทบต่อจิตใจและความสัมพันธ์ : ผลกระทบของ Kagongjok Syndrome ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแยกตัวทางสังคม แต่ยังลึกซึ้งถึงระดับโครงสร้างทางอารมณ์ อาทิ

  • ภาวะโดดเดี่ยว (Loneliness) แม้จะอยู่ในโลกที่เชื่อมต่อเสมอ แต่ยังรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว
  • ความรู้สึกว่างเปล่า (Emptiness) หลังจากปิดจอหรือออกจากระบบ
  • ความเสื่อมของทักษะอารมณ์ (Emotional Regulation) เพราะขาดการฝึกปฏิสัมพันธ์จริงกับมนุษย์
  • การบิดเบือนคุณค่าชีวิต (Value Distortion) มีการวัดความสำเร็จจากข้อมูลดิจิทัลแทนความหมายที่แท้จริงในชีวิตจริง

📕 แนวทางบำบัดและฟื้นฟูทางจิตวิทยาดิจิทัล

  1. Digital Mindfulness : ฝึก “สติรู้ตัว” ระหว่างใช้เทคโนโลยี ฝึกถามตัวเองว่า “ฉันใช้เทคโนโลยีเพื่ออะไร เพื่อเติมเต็มหรือเพื่อหลบหนี?” การตระหนักรู้เช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของการคืนอำนาจให้จิตใจได้กลับมาใช้ เทคโนโลยีไม่ใช่ใช้เพื่อการหนีปัญหา
  2. Digital Detox Program : มีการกำหนดช่วงเวลา “ปลอดจอหรือออกจากระบบ” อย่างมีวินัย เช่น ตั้งเวลาใช้ 2 ชั่วโมงแล้วปิดระบบ เตรียมร่างกายและอารมณ์ให้หยุดพักจากสิ่งเร้าพร้อมเข้านอน จะช่วยให้นอนหลับได้ดี
  3. Therapeutic Reconnection : การบำบัดด้วยกิจกรรมเชิงสังคม เช่น กลุ่มสนทนา (Group Therapy) หรือศิลปะบำบัด (Art Therapy) เพื่อฟื้นฟู “พลังแห่งการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์”
  4. Reconstruction of Identity : การบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยค่อย ๆ สร้าง “ตัวตนที่แท้จริง” (Authentic Self) โดยเชื่อมโยงอัตลักษณ์ดิจิทัลเข้ากับคุณค่าชีวิตจริง

ดังนั้น เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็น ”กระจกสะท้อนจิตใจ“ Kagongjok Syndrome จึงไม่ใช่เพียงสัญญาณของการเสพติดเทคโนโลยี แต่เป็นภาพสะท้อนของ “ความเปราะบางในยุคดิจิทัล” เพราะมนุษย์ไม่ได้ติดแค่โทรศัพท์ แต่ต้องการเติมเต็มความรู้สึกภายในจิตใจที่อยากมีตัวตน โลกเสมือนจึงกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safe Zone) การเยียวยาภาวะนี้จึงไม่ใช่แค่การลดเวลาใช้งาน แต่คือการฟื้นคืนความหมายของ “การมีอยู่ในโลกจริง” สามารถเชื่อมต่อกับตนเองและผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เมื่อนั้น โลกดิจิทัลก็จะกลับมาเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่กรงขังทางจิตใจอีกต่อไป

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: @pichayaninclinic / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com