เคยไหม … ที่เราต้องเป็นเหมือนร่างทรง ต้องเป็นทุกอย่างในร่างเดียว แต่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ต้องทำทุกอย่างเพื่อทุกคน เป็นทั้งพ่อทั้งแม่คนยันคนถูกใช้ แต่ทำไมไม่เคยได้รับคำชื่นชม ทำอะไรก็ไม่ได้ดีซักอย่าง มีแต่ข้อผิดพลาด ถูกดูถูกตำหนิติเตียน เหมือนเป็นตัวปัญหา อ่อนล้า เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ

🍅 ถึงแม้ทุกคน … จะมีเวลาเท่ากันคือวันละ 24 ชั่วโมง แต่ต่างคนต่างก็มีบทบาทและภาระหน้าที่แตกต่างกัน ดังนั้น การบริหารจัดการเวลาจึงมีความสำคัญ เพราะสมองจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดในช่วงเวลาสั้น ๆ และควรมีการหยุดพัก จึงมีการนำเทคนิค Pomodoro (โปโมโดโร) ซึ่งเป็นภาษาอิตาลี แปลตรงตัวว่า “มะเขือเทศ” ที่เปรียบเสมือนนาฬิกาจับเวลา เพื่อแบ่งเวลาการทำงานเป็นช่วง ๆ (1 Pomodoro = 25 นาที) โดยมีเทคนิคดังนี้

1. กำหนดรายการงานที่ต้องทำในกระดาษ (To do list)
2. ตั้งเวลา และ เริ่มนับถอยหลังไว้ที่ 25 นาที
3. จดจ่อโฟกัสงานที่ทำจนครบ 25 นาที
4. เมื่อครบเวลาให้พักเบรกเป็นเวลา 5 นาที เพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบท ดื่มน้ำ ชมความสวยงามของธรรมชาติ เป็นต้น
5. เมื่อทำครบ 4 Pomodoro (4×25 นาที = 100 นาที) ให้พักเบรกยาว 15-30 นาที

📌 การบริหารเวลาด้วย Pomodoro Technique ได้ผลดี เพราะการกำหนดช่วงความสนใจ (Attention Span) ช่วยให้มีสมาธิและจดจ่อกับชิ้นงานแต่ละชิ้น เป็นกลยุทธ์ในการช่วยจำ (Chunking) เป็นการลดแรงต้าน เพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งการทำงานเป็นช่วงสั้น ๆ ทำให้งานยากกลายเป็นงานที่ง่าย การพักเบรก (Break) เพื่อลดความล้าทางสมอง (Cognitive Fatigue) และช่วยให้สมองจัดเก็บข้อมูล (Memory Consolidation) เข้าสู่ความจำระยะยาว (Long-term memory) และยังเป็นการให้รางวัล (Reward System) ช่วยกระตุ้นพฤติกรรมเชิงบวก (Positive Reinforcement) ทำให้รู้สึกอยากเริ่มทำงานในรอบต่อไป ช่วยลดการผลัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination) เมื่องานสำเร็จจะช่วยสร้างความรู้สึกอยากทำต่อ (Sense of Progress) ช่วยลดความเครียด ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ช่วยป้องกันภาวะหมดไฟ (Burnout)

ทั้งนี้ การบริหารเวลาด้วย “Pomodoro Technique” สามารถนำมาประยุกต์โดยปรับเปลี่ยนเป็นเวลาที่เหมาะสมกับรูปแบบงานของแต่ละคนได้ เพื่อสร้างความสมดุลของงานกับชีวิต (Work-Life Balance) สามารถทำงานและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน