เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพศสภาพจึงไม่ได้มีแค่เพศหญิงหรือเพศชาย เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเพศสภาพ คือ “ความเป็นมนุษย์”

ปัจจุบันมีคนสนใจขอรับการผ่าตัดแปลงเพศ (Gender Affirmation Surgery, GAS) หรือ การผ่าตัดเพื่อการข้ามเพศ (Sex Reassignment Surgery – SRS) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้บุคคลที่มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender Dysphoria) ลดความทุกข์ทรมานทางจิตใจ ช่วยให้มีร่างกายที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศของตน

เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศเป็นหัตถการที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว จึงจำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการตรวจประเมินอย่างละเอียด ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติและเป็นมาตรฐานทั่วโลกตามข้อกำหนดของ The World Professional Association for Transgender Health (WPATH) ซึ่งต้องพบ “จิตแพทย์ 2 ท่าน” โดยจิตแพทย์จะตรวจและประเมินว่า บุคคลนั้นไม่มีภาวะของโรคจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ ประสาทหลอน ฯลฯ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากการแปลงเพศเป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับ เมื่ออวัยวะเพศถูกตัดไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ อีกทั้งต้องมีความสามารถในการปรับตัวและพร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเพศสภาพอย่างถาวร

เมื่อจิตแพทย์ออกใบรับรองการผ่าตัด (Psychological Assessment License) ซึ่งใบรับรองการผ่าตัดจะมีอายุไม่เกิน 6 เดือนก่อนวันผ่าตัด จึงจะดำเนินการส่งต่อให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดแปลงเพศต่อไป