แบบประเมินทางจิตวิทยาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยวินิจฉัยและประเมินสภาพจิตใจของบุคคลที่อาจมีความเสี่ยงหรือกำลังเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ และโรคสมาธิสั้น โดยการประเมินนี้จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาสามารถเข้าใจถึงอาการและภาวะทางจิตใจของผู้ที่เข้ารับการประเมินได้อย่างลึกซึ้งและรอบด้าน ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของผู้ป่วย สำหรับโรคซึมเศร้า แบบประเมินจะช่วยตรวจสอบระดับของความเศร้า ความรู้สึกไม่อยากทำสิ่งใด ๆ และความคิดเชิงลบที่อาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง ส่วนในกรณีของโรควิตกกังวล การประเมินจะเน้นที่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน หรือการเกิดอาการแพนิคที่ทำให้ชีวิตประจำวันต้องหยุดชะงัก
สำหรับโรคนอนไม่หลับ แบบประเมินจะตรวจสอบปัญหาการนอนที่อาจเกิดจากความเครียด วิตกกังวล หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การประเมินโรคสมาธิสั้นจะช่วยวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีปัญหาในการจดจ่อ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจกระทบต่อการทำงานหรือการเรียน
สำหรับการปรึกษาปัญหาความรัก แบบประเมินจิตวิทยาจะช่วยให้คู่รักหรือบุคคลที่มีปัญหาในความสัมพันธ์สามารถเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาและมองหาแนวทางในการแก้ไขความขัดแย้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความสุขยิ่งขึ้น บริการประเมินทางจิตวิทยานี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การสนับสนุนผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ อย่างครอบคลุมและเอาใจใส่ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาที่พร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างมืออาชีพ ทุกขั้นตอนของการประเมินจะได้รับการดูแลอย่างละเอียดและเป็นความลับ เพื่อให้ผู้รับการประเมินรู้สึกสบายใจและเชื่อมั่นในกระบวนการที่เราให้บริการ
IQ test หรือแบบทดสอบความฉลาดทางเชาว์ปัญญา เป็นการทดสอบความสามารถทางสติปัญญาของบุคคลหนึ่ง โดยวัดจากความสามารถในการเรียนรู้ การคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ด้านหลักๆ ได้แก่ ด้านภาษา (Verbal) และด้านการปฏิบัติ (Performance)
คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนสติปัญญารวม (Full Scale IQ) และคะแนนย่อยในแต่ละด้าน โดยคะแนนสติปัญญารวมจะอยู่ระหว่าง 40 ถึง 160 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 100
การทดสอบจิตวิทยา projective test เป็นเทคนิคการทดสอบบุคลิกภาพแบบหนึ่ง ซึ่งใช้วัสดุหรือสถานการณ์ที่คลุมเครือหรือเปิดกว้าง เพื่อให้ผู้ถูกทดสอบได้แสดงออกถึงความคิด ความรู้สึก ทัศนคติ ความเชื่อ และแรงจูงใจของตนเอง โดยไม่รู้สึกถูกกดดันหรือควบคุม
การทดสอบ projective test อาศัยหลักการที่ว่า บุคคลมักจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าในลักษณะที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากผู้ถูกทดสอบมองภาพคนที่กำลังโกรธ ผู้ทดสอบอาจตีความว่า ผู้ถูกทดสอบมีแนวโน้มที่จะแสดงอารมณ์โกรธออกมาได้ง่าย
การทดสอบ projective test มีหลายประเภท ตัวอย่างการทดสอบ projective test ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่
การทดสอบภาพ Rorschach (Rorschach Test) เป็นที่นิยมมากที่สุด การทดสอบนี้ใช้ภาพหมึก 10 ภาพ ซึ่งไม่มีความหมายที่ชัดเจน ผู้ถูกทดสอบจะต้องอธิบายว่าเห็นอะไรในภาพแต่ละภาพ
การทดสอบ Thematic Apperception Test (TAT) เป็นภาพประกอบ 31 ภาพ ซึ่งแสดงถึงสถานการณ์ต่างๆ ผู้ถูกทดสอบจะต้องสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับภาพแต่ละภาพ
การทดสอบ projective test มักใช้ร่วมกับการทดสอบบุคลิกภาพแบบอื่น เพื่อช่วยให้นักจิตวิทยามีข้อมูลเชิงลึกที่หลากหลายเกี่ยวกับบุคลิกภาพของผู้ถูกทดสอบและสามารถช่วยให้ผู้ถูกทดสอบแสดงออกอย่างอิสระและเปิดเผยมากขึ้น
เป็นแบบทดสอบความสนใจด้านอาชีพ แนวคิดพื้นฐานของแบบทดสอบ คือ บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลมีความสอดคล้องกับอาชีพบางประเภท โดยยึดหลักทฤษฎีการเลือกอาชีพของ Holland แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
แบบทดสอบ Career Interest test ประกอบด้วยข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ ใช้เวลาในการทำประมาณ 30-45 นาที คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนบุคลิกภาพทั้ง 6 ประเภท โดยคะแนนของแต่ละประเภทจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 9 โดยที่คะแนน 1 หมายถึง มีความสนใจน้อยที่สุด และคะแนน 9 หมายถึง มีความสนใจมากที่สุด
แบบทดสอบ Career Interest test เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยให้บุคคลสามารถค้นพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบ Career Interest test เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น บุคคลควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจเลือกอาชีพด้วย เช่น ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ และความชอบส่วนตัว
เป็นแบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการด้านทักษะการอ่านและการเขียนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่
คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนรวมและคะแนนย่อยในแต่ละด้าน โดยคะแนนรวมจะอยู่ระหว่าง 200 ถึง 800 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500
แบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการมีประโยชน์ในการช่วยให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนสามารถประเมินความสามารถด้านทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้นักเรียนสามารถวางแผนการศึกษาได้อย่างเหมาะสม