คุณเคยฝันแล้วรู้ตัวไหมว่ากำลังฝันอยู่?😪😪😪

นั่นแหละ คือ สิ่งที่เรียกว่า Lucid Dream หรือ "ฝันลูซิด" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้ฝันสามารถตระหนักรู้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่ความจริง แต่เป็นความฝัน และยิ่งไปกว่านั้นคือ สามารถควบคุมหรือออกแบบความฝันเหล่านั้นได้เอง

คำว่า Lucid Dream ถูกบันทึกขึ้นครั้งแรกโดยจิตแพทย์ชาวดัตช์ชื่อ Frederik Willem van Eeden ซึ่งศึกษาความฝันประเภทนี้อย่างจริงจังและค้นพบว่ามันมักเกิดขึ้นในช่วง REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งเป็นช่วงของการนอนหลับลึกที่สมองมีการทำงานสูงสุด ในช่วงฝันลูซิด สมองของเราจะยังคงตื่นตัวในระดับหนึ่ง แม้ร่างกายจะหลับสนิทก็ตาม ผู้ฝันสามารถมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ราวกับเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ สร้างสรรค์ฉาก ตัวละคร และบทพูดขึ้นมาใหม่ตามใจปรารถนา คำว่า “Lucid” เพื่อสื่อถึงความกระจ่างใสทางจิตใจ (Mental Clarity)

ฝันลูซิด … ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แม้จะไม่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ โดยเริ่มจาก

1. การจดบันทึกความฝันหลังตื่นนอน (Dream Journal) เพื่อกระตุ้นความสามารถในการจดจำรายละเอียด
2. WBTB (Wake Back To Bed) คือ นอนหลับ 5–6 ชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมาสักพักจึงกลับไปนอน จะเพิ่มโอกาสเกิด Lucid Dream ได้
3. ฝึกตรวจสอบความจริง (Reality Check) ค่อย ๆ ฝึกสังเกตความผิดปกติในฝัน เช่น นาฬิกาที่เดินผิดเวลา หรือข้อความที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ Lucid Dream จะให้ความรู้สึกแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น แต่การฝันลักษณะนี้บ่อยเกินไปโดยเฉพาะติดต่อกันหลายวัน อาจส่งผลให้สมองรู้สึกอ่อนล้า เมื่อตื่นขึ้นจะรู้สึกไม่สดชื่นเหมือนไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง และในบางรายจำเป็นต้องพบจิตแพทย์ เนื่องจากความถี่ในการฝันที่มากเกินไปจนส่งผลเสียกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น อ่อนเพลีย ความดันโลหิตสูง ความเครียดสะสม ฯลฯ