เมื่อมีการเผชิญกับความรุนแรงและความกลัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่สงบและไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพจิตในช่วงสงคราม ดังนี้
- ความเครียดเฉียบพลัน (Acute Stress) จากความตื่นตระหนก ความหวาดกลัวเสียงระเบิด กลัวความไม่ปลอดภัย ฯลฯ
- ความเครียดหลังผ่านเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder : PTSD) ที่พบได้บ่อยในประชาชนผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรง เช่น หวาดผวา ตกใจง่าย ฝันร้าย ฯลฯ
- ภาวะวิตกกังวลและหวาดกลัว (Anxiety & Fear) : กังวลและกลัวการถูกโจมตี หายใจไม่ออก เหนื่อย นอนไม่หลับ ฯลฯ
- ความเศร้าและโศกเศร้า (Grief & Sadness) : จากการพลัดพราก บาดเจ็บ การสูญเสียคนที่รัก เป็นต้น
- ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นกับผู้ที่รอดชีวิต (Survivor’s Guilt) หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีความรุนแรงในครอบครัว จากความเครียดที่สะสมเรื้อรัง สภาพแวดล้อมที่กดดัน ฯลฯ
-
ความเหนื่อยล้าและหมดไฟ (Burnout & Fatigue) : ขาดแรงจูงใจในชีวิต หมดหวังกับอนาคต เป็นต้น
- พัฒนาการทางร่างกายและสุขภาพจิตของเด็ก : ภาวะวิกฤติในช่วงสงครามจะส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า มีความกลัวเรื้อรัง ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ ปรับตัวยาก ฯลฯ
🎯 แนวทางการดูแลสภาพจิตใจในช่วงสงคราม
- ตระหนัก (Awareness) แต่ไม่ตื่นตระหนก รับรู้อย่างมีสติ และยอมรับอารมณ์ความรู้สึกของตนเองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังจากการเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ตกใจ วิตกกังวล กลัว เป็นต้น
- พูดคุยกับคนใกล้ชิด ไม่ควรเก็บตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว ควรสื่อสารแบ่งปันความรู้สึกกับคนที่เราไว้ใจ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างเพื่อช่วยเหลือประคับประคองจิตใจซึ่งกันและกัน
- เสพข่าวสารอย่างมีสติจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น และจำกัดเวลาในการเสพข่าว ไม่สร้างความเครียดและความกดดันจนเกินจำเป็น
- ฟื้นฟูสภาพจิตใจผ่านกิจวัตรประจำวัน : ดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ดนตรี ศิลปะ เป็นต้น
- ขอรับคำปรึกษาทางจิตใจในภาวะฉุกเฉิน (Psychological First Aid - PFA) เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยรู้สึกปลอดภัย ได้รับความรู้ความเข้าใจ และมีช่องทางการเข้าถึงความช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เป็นต้น เพื่อลดความเครียดและความทุกข์ทรมานทางจิตใจ สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้โดยเร็ววัน
ทั้งนี้ ภาวะสุขภาพจิตในช่วงสงคราม ไม่ใช่แค่เรื่องของปัจเจกบุคคล แต่เป็นเรื่องที่ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องร่วมด้วยช่วยกันส่งเสริมและป้องกันผลกระทบต่อจิตใจที่ยาวนานและเรื้อรัง ต้องมีการวางแผนฟื้นฟูภาวะจิตใจระยะยาว เพื่อป้องกันภาวะบาดแผลทางจิตใจที่ถูกส่งต่อจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งภายในครอบครัวหรือชุมชน (Transgenerational Trauma หรือ Intergenerational Trauma) เช่น พ่อแม่ส่งต่อลูกหลาน ทั้ง ๆ ที่ลูกหลานไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ประสบการณ์ที่เลวร้ายในยุคของพ่อแม่จะส่งผลต่อพฤติกรรม อารมณ์ และจิตใจ มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว, การเลี้ยงดูที่ควบคุมหรือปกป้องมากเกินไป เป็นต้น
❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.
☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: @pichayaninclinic / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com