ใคร ๆ ก็ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำ” ที่เป็นทั้ง “คนเก่ง และ คนดี“ เป็นคนที่มีจิตสำนึก มีคุณธรรม ที่ทำให้ทุกคนเคารพ ศรัทธา และยอมรับนับถือได้

หลายคนสงสัยว่า คนที่พยายามยกตนขึ้นมาเป็นผู้นำระดับประเทศ ทำไมไม่ยึดหลักสากลในการสร้างสัมพันธ์ระดับโลก (Principles of International Relations หรือ Global Diplomacy Principles) เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความร่วมมือ ความมั่นคง และผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐหรือองค์กรระหว่างประเทศ ทำไมถึงโหดเหี้ยมอำมหิต คิดวางแผนจุดชนวนสงคราม สร้างความขัดแย้ง ทำลายล้างให้เกิดความสูญเสียชีวิตและความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวง สาเหตุเพราะคน ๆ นี้มีปมในจิตใจ มีบาดแผลทางจิตในวัยเด็ก เกิดมาในครอบครัวที่ขาดแคลน ขาดความรักความอบอุ่น ขาดการยอมรับ ขาดการอบรมเลี้ยงดูสั่งสอนเรื่องศีลธรรม ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว จึงมีความผิดปกติทางจิตใจที่ฝังรากลึกยากเกินจะเยียวยา เป็นคนมีกรรมที่เกิดมาในร่างคนแต่จิตใจกลับกลายเป็นปีศาจชั่วร้าย ที่เรียกว่า "Machiavellianism" ซึ่งเป็นหนึ่งใน “Dark Triad“ หรือ ไตรลักษณ์ด้านมืด ร่วมกับ Narcissism และ Psychopathy โดยจะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง เห็นแก่ตัว หลอกลวง ใช้เล่ห์เหลี่ยม กลอุบาย และการกระทำที่ไม่คำนึงถึงศีลธรรม ขาดจิตสำนึก ขาดจริยธรรม ไร้มนุษยธรรม สามารถทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจหรือผลประโยชน์ส่วนตน

🔥 ปีศาจชั่วร้าย … ผู้จุดชนวนสงคราม

1. การแสวงหาและรักษาอำนาจโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม : เน้นการบรรลุเป้าหมายไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะถูกต้องหรือไม่ เช่น การโกหก การหลอกลวง การใส่ร้าย หรือการใช้ความรุนแรง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ เช่น เงิน อำนาจ เป็นต้น จะหวงและรักษาอำนาจ ไม่ยอมลงจากตำแหน่ง จะมีการสืบทอดอำนาจโดยส่งต่อให้คนในครอบครัวหรือวงศาคณาญาติ ให้ “สืบสันดาน” กลายเป็นตระกูลปีศาจชั่วร้ายต่อไป
2. การวางแผนและใช้เล่ห์เหลี่ยม : เป็นคนฉลาดแกมโกง สร้างศัตรูร่วม แสร้งผูกมิตรกับเหยื่อที่เป็นปีศาจร้ายไร้มนุษยธรรมเช่นกัน เพื่อควบคุมสถานการณ์และการเอาชนะคู่แข่งในทุกรูปแบบ
3. ตีบทแตกปั่นหัวประชาชน (Emotional Manipulation) : ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี โยนความผิด เพื่อปั่นให้ประชาชนมีอารมณ์ร่วมและออกมาเป็นโล่ห์หรือกำแพงมนุษย์โดยไม่รู้ตัว
4. เก็บข้อมูลไว้แบล็กเมล์ (Blackmail) : หลอกใช้และไม่เคยไว้ใจใคร เช่น แอบถ่ายคลิปและอัดเทปเสียงการสนทนาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ข่มขู่หรือบังคับให้ผู้อื่นกระทำการบางอย่าง หากไม่ทำตามคำสั่งจะเปิดเผยความลับหรือข้อมูลที่เป็นความลับของบุคคลนั้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสถานะทางสังคม
5. การใช้คนเป็นเครื่องมือ : ขี้ฟ้อง เรียกร้องความสนใจ ตะโกนให้ชาวโลกหันมามองและเห็นใจ โดยใช้คนเป็นโล่ห์หรือกำแพงมนุษย์ ด้วยการยั่วยุ สร้างสถานการณ์ ไร้มนุษยธรรม สั่งโจมตีทั้งพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำร้ายบุคคลากรทางการแพทย์ ทั้ง ๆ ที่โรงพยาบาล คือ “พื้นที่คุ้มครองพิเศษ” เพราะที่นี่คือสถานที่สุดท้ายที่มอบการช่วยเหลือแก่เพื่อนมนุษย์โดยไม่แบ่งแยกฝ่าย

❤️ แนวทางการยุติสงคราม : เพราะไม่ควรมีใครต้องสูญเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ไม่ควรแบ่งแยกฝ่าย เชื้อชาติ ศาสนา ดังนั้น ทุกคนควรจะร่วมมือร่วมใจกันเรียกร้องให้

1. ยึดหลักการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ (Peaceful Settlement of Disputes) ส่งเสริมการเปิดใจ การสื่อสาร เจรจา ไกล่เกลี่ย หรือการตัดสินโดยศาลระหว่างประเทศ
2. ยึดหลักการเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ (Respect for International Law) ที่ทุกประเทศจะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงระหว่างประเทศร่วมกันอย่างจริงจังและจริงใจ
3. ยึดหลักการเคารพในสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights) สนับสนุนและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามหลักสากล เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ไม่ใช้ชีวิตมนุษย์ผู้บริสุทธิ์เป็นโล่ห์หรือกำแพงการทำสงครามเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ ฯลฯ
4. ยึดหลักการสื่อสารในช่วงสงคราม : รัฐหรือองค์กรต้องตั้งศูนย์กลางการสื่อสารที่มีความน่าเชื่อถือ (Credibility) มีความถูกต้อง (Accuracy) ป้องกันข่าวปลอม (Fake News) หรือข้อมูลบิดเบือน (Disinformation) ที่ยั่วยุอารมณ์ สร้างความขัดแย้งเกลียดชังกัน ต้องใช้ภาษาที่มีความชัดเจน (Clarity) เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และต้องสื่อสารอย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ (Timeliness) เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกแต่ให้ตระหนักถึงสถานการณ์ รวมทั้งการรักษาขวัญกำลังใจ (Psychological Support) ทั้งนี้ จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เช่น ไม่แชร์ภาพตำแหน่งกองกำลัง แผนปฏิบัติการ ฯลฯ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัย (Security-Sensitive Communication) และช่วยกันยุติสงคราม

📕 สรุป ผู้นำประเทศ ไม่ได้วัดกันที่ “ตำแหน่ง” แต่วัดกันที่ “คุณงามความดี” รู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม ที่ทำให้ทุกคนไว้ใจ เชื่อใจ เชื่อมั่น เคารพ ศรัทธา ไม่สร้างความขัดแย้ง ผูกมิตร ไม่สร้างศัตรู อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ผู้คนก็จะยกย่องให้เป็นผู้นำและถูกจารึกเป็น “ตำนาน” ให้ลูกหลานในวงตระกูลและประชาชนในประเทศได้ภาคภูมิใจในระดับโลกสืบไป