จากข่าวดัง ... จึงมีคนสงสัยสอบถามกันว่า มันมีหลักสูตรทางจิตวิทยาที่สอนวิธีล้างสมองคนให้รู้สึกผิด (Gaslighting) เพื่อไปคบซ้อนโดยไม่ผิดได้ด้วยเหรอ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า จิตวิทยา คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ กระบวนการคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าเอาศาสตร์มาใช้ในทางที่ผิดศีลธรรม ขาดจรรยาบรรณ จากวิชาชีพก็จะกลายเป็น “วิชามาร” แทนที่จะแนะนำแนวทางหรือวิธีการดำเนินชีวิตหรือการครองรักกันอย่างมีความสุข กลับเป็นมารมาสอน “คนไม่เป็นคน” สอนให้เสพสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ซึ่งบางคนจะอวดอ้างความเก่งเรียกตัวเองเป็นครู/โค้ช (coach) เพราะอยากมีตัวตน ขาดจิตสำนึกที่ดี สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อหลอกเอาเงินจากคนที่มีปม หรือ มีความอ่อนแอทางจิตใจ เช่น ผู้ชาย (หลายใจ) ที่ขาดรักก็อยากมาเรียนวิธีคบซ้อนกับผู้หญิงกี่คนก็ได้ โดยโค้ชจะสอนให้ผู้ชายหลอกลวงด้วยการโกหกให้ภริยาเกิดความสงสัยในความคิดของตนเอง มีอาการระแวงว่าผู้ชายนอกใจ เมื่อภริยาจับมือดมไม่ได้ก็จะรู้สึกผิดคิดว่าหลอนไปเองจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และถูกผู้ชายควบคุมอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น Gaslighting จึงเป็นรูปแบบหนึ่งของการควบคุมทางจิตใจ (Psychological Manipulation) ที่ทำให้เกิดความแคลงใจ ความสงสัย ความไม่เชื่อมั่นในตนเอง จนต้องเปลี่ยนไปเป็นเชื่อใจและไว้ใจ จากนั้นผู้ชายก็ออกลายไปตะลอนทัวร์หาผู้หญิงใหม่ จะคบซ้อนกับใครอีกกี่คนก็ได้ หากพลาดถูกจับได้ ... ก็จะโทษว่าเป็นความผิดของภริยาที่สร้างปัญหา ขี้หึง ขี้หวง ขี้ระแวง ฯลฯ ทำให้ภริยารู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัว และต้องอดทนจำยอมรับกับการนอกใจเพื่อประคองชีวิตคู่ แต่ถ้าเจอภริยาที่ไม่ยอมและไม่ทนก็จะตัดสินใจหย่าร้างเลิกรากันไป ในที่สุด ... ผู้ชายที่ “ขาดรัก” ก็ต้องเสียทั้งผู้หญิงคนเก่าที่แสนดีและก็ไม่ได้ผู้หญิงคนใหม่ที่ไม่ยอมเสียเกียรติเป็นสองให้ใครหลอกลวง เพราะผู้หญิงทุกคนก็ต้องการรักแท้เช่นกัน
ดังนั้น คนปกติที่มีสุขภาพจิตที่ดี จะใช้ “สติ และ ปัญญา” จะไม่ยอมเป็นเหยื่อหรือเป็นแพะรับบาป จะคิดใคร่ครวญ ไม่หลงเชื่อในคำพูดที่ใครมาเป่าหูหรือปั่นหัวล้างสมองให้หลงเชื่อและรู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัว เพราะการหลอกลวงด้วยการโกหกโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบกับจิตใจของคนเราได้เท่ากับการหลอกให้สงสัยและรู้สึกผิดในความคิดของตนเอง ที่ทำให้เสียความมั่นใจและเกิดอาการหลอนคิดว่าตนเองป่วยเป็นโรคจิตไปตลอดชีวิต