อ้าว! ทำไมช่วงนี้อ้วนจัง...
ว๊ายแก! ไปทำอะไรมา ... ดำปี๋เชียว...
เฮ้ย... ไอ้เป๋! ... ไอ้แก่ .... ไอ้เหี่ยว...ไอ้เหยิน...ไอ้เตี้ย....ฯลฯ
ใครเคยโดนคำทักทายที่แฝงไปด้วยอคติหรือการเหยียดเรื่องรูปร่างหน้าตาบ้าง? รู้สึกอย่างไร? และจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
การเหยียดหรือบูลลี่กันเกิดจากการสร้างบรรทัดฐานและค่านิยมว่าคนหล่อคนสวย ต้องเป็นอย่างไร ใครที่ตรงข้ามคือคนขี้เหร่อัปลักษณ์ ถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตาให้รู้สึกอับอาย ไม่เชื่อมั่นในตนเองและหมดความภาคภูมิใจในตนเอง
วันนี้ ได้รับเกียรติจากนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนฯ จัดการสัมมนาภายใต้หัวข้อ "Media X Body Positive" เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันสื่อ สร้างความตระหนักถึงตนเอง และสนับสนุนให้บุคคลมีความพึงพอใจในตนเอง 😱 ก่อนอื่นขอชื่นชมและรู้สึกยินดีที่นักศึกษาในฐานะสื่อมีความสนใจและหยิบยกเรื่อง "Body Shaming" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาสังคม เพราะปัจจุบันคนเสพสื่อผ่าน Social Media กันเยอะและส่งผลกระทบอย่างรวดเร็ว สื่อจึงเป็นเหมือนดาบสองคม จะสร้างความสุขหรือทำลายให้คนเกิดความทุกข์ ซึมเศร้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
สื่อจึงมีส่วนช่วยให้คนในสังคมได้ตระหนักและเข้าใจว่า Body Shaming ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรกระทำ ไม่ว่าจะกาย วาจา หรือใจที่ไปทำร้ายผู้อื่นทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ บางคนต้องหาความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น คนที่ชอบเหยียดคนอื่นน่าเห็นใจและน่าสงสารมาก เป็นคนที่มีปัญหามาจากพื้นฐานครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู สังคมและสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมคนแต่ละคน ถ้าเราโตมามี "ความภาคภูมิใจในตนเอง" (Self Esteem) ก็จะมีภูมิคุ้มกันโลกที่ดี เวลาเจอ "เชื้อโลกร้าย" เราแค่รับรู้ แต่ไม่รู้สึกทุกข์เพราะไม่ยินดีที่จะเป็นเหยื่อของใคร
ถ้าเรามี Body Respect คือ ความงามที่เรากำหนดได้แล้ว แต่ยังโดน Body Shaming อีก ก็ให้ฝึก "สติ" ให้สงบนิ่ง เพราะ "ความสงบ ... สยบความเคลื่อนไหว" การเงียบคือการใช้ปัญญาตอบโต้ที่ทำให้คนที่ชอบเหยียดคนอื่นรู้สึกเจ็บปวดที่สุด (ใครพูดก่อนแพ้) และอย่าลืม "แผ่เมตตา" ปล่อยให้เขาไปที่ชอบที่ชอบ ... สาธุ