โรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับเป็นภาวะที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง หลายคนที่ประสบปัญหาโรคซึมเศร้ามักเผชิญกับภาวะนอนไม่หลับ ในขณะเดียวกันผู้ที่มีปัญหาการนอนเรื้อรังมีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าเช่นกัน การทำความเข้าใจถึงกลไกของสองภาวะนี้สามารถช่วยให้เราปรับปรุงสุขภาพใจและคุณภาพการนอนให้ดีขึ้นได้
สาเหตุที่โรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับเชื่อมโยงกัน
- การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง
ภาวะซึมเศร้าส่งผลให้ระดับสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ลดลง ซึ่งสารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และวงจรการนอนหลับ การขาดสมดุลของสารเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดโรคนอนไม่หลับ หรือทำให้นอนหลับไม่สนิท
- ความเครียดและความวิตกกังวล
ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ามักมีระดับความเครียดและความวิตกกังวลสูงขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่สามารถรบกวนวงจรการนอนหลับ และทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับได้
- วงจรการนอนที่ถูกรบกวน
ภาวะซึมเศร้าส่งผลให้วงจรการนอนหลับผิดปกติ เช่น การเข้าสู่ระยะหลับลึกช้าลง ตื่นกลางดึกบ่อย หรือฝันร้าย ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรคนอนไม่หลับและทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
- พฤติกรรมที่ส่งผลต่อการนอน
คนที่มีภาวะซึมเศร้ามักมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อการนอน เช่น การใช้โซเชียลมีเดียก่อนนอน การดื่มคาเฟอีนในช่วงเย็น หรือการงีบหลับในเวลากลางวันมากเกินไป ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับได้
ผลกระทบของโรคนอนไม่หลับและโรคซึมเศร้าต่อสุขภาพ
- อาการอ่อนเพลียและสมาธิลดลง
การนอนไม่หลับทำให้ร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟู ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียตลอดวันและมีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งต่างๆ
- ภาวะอารมณ์แปรปรวน
การพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าในระยะยาว
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
ทั้งโรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
- เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้น
การขาดการนอนหลับทำให้อารมณ์ด้านลบรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ภาวะซึมเศร้าหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อความคิดฆ่าตัวตาย
วิธีดูแลสุขภาพใจและการนอนให้ดีขึ้น
- สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ดี
- เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- ดื่มชาสมุนไพร เช่น คาโมมายล์ เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
- ปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอน
- ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย
- ใช้ม่านกันแสงเพื่อให้ห้องมืดสนิท
- ใช้เครื่องเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงฝน หรือเสียงน้ำไหลเพื่อช่วยให้จิตใจสงบ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินและโดปามีนในสมอง ทำให้สมองผ่อนคลายและลดอาการของโรคนอนไม่หลับได้
- ฝึกการหายใจและทำสมาธิ
การฝึกหายใจลึกๆ และการทำสมาธิก่อนนอนช่วยลดความเครียดและทำให้สมองเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย
- หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในช่วงเย็น
- งดการสูบบุหรี่ซึ่งอาจส่งผลต่อวงจรการนอน
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
หากมีอาการของโรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับรุนแรง ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางที่คลินิกสุขภาพจิต เพื่อรับคำปรึกษาและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
โรคซึมเศร้าและโรคนอนไม่หลับมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งและสามารถกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การเข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบของสองภาวะนี้สามารถช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการนอนหลับและดูแลสุขภาพใจให้ดีขึ้น การสร้างกิจวัตรที่เหมาะสม ฝึกการผ่อนคลาย และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเป็นแนวทางที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจให้แข็งแรงขึ้น
พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) พร้อมรับฟังปัญหา และบริการวางแผนการรักษาโรคซึมเศร้า โรคแพนิค โรคนอนไม่หลับ โรควิตกกังวล โรคสมาธิสั้น รับปรึกษาปัญหาความรัก และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บริการดูแลครอบคลุมทั้งบริการทางจิตเวชทั่วไปในเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ มีการตรวจประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด ทั้งด้านการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ระบบประสาท และประเมินศักยภาพสมอง สามารถให้คำปรึกษาในกลุ่มอาการหลากหลายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของท่าน หรือคนที่ท่านรัก
พิชญานิน คลินิก คลินิกสุขภาพใจ บริการวางแผนรักษาโรคทางจิตเวช
โทร. 063-868-9925, 02-853-3863
อีเมล pichayaninclinic@gmail.com

