เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ 10.00-20.00 | วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 10.00-20.00
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันศุกร์ 10.00-20.00
วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 10.00-20.00
#

Burnout ... ภาวะหมดไฟ!!!

เคยไหม ... ที่ไม่อยากตื่นหรือถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหมดแรง ไม่อยากลุกขึ้นไปทำงาน ???

Burnout Syndrome คือ ภาวะการหมดไฟ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ขึ้นทะเบียนให้การรับรองภาวะหมดไฟเป็นโรคใหม่ที่เกิดขึ้นกับผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังทางอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในที่ทำงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ ดังนี้

  1. ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และรู้สึกหมดใจในการทำงาน (Emotional Exhaustion) มีความรู้สึกหมดแรง สูญเสียพลังงาน อ่อนล้า อ่อนเพลีย รู้สึกหมดแรงทันทีเมื่อหมดเวลาทำงาน
  2. ความรู้สึกแปลกแยกจากบุคคลอื่น (Depersonalization) มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ไม่มีความผูกพันกับบุคคลหรือองค์กรที่ทำงาน รู้สึกเฉยเมย เฉยชา ไร้ชีวิตชีวา เหมือนคนไร้อารมณ์
  3. ความนับถือตนเองต่ำ (Low Self-Esteem) รู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ และรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มีความคิดลบ ไม่มีแรงจูงใจที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ

สาเหตุ : เกิดจากภาระงานที่ไม่ถนัด มีความซับซ้อน เป็นงานด่วน เร่งรีบตลอด มีปริมาณงานที่มากเกินไป ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ทำงานอย่างโดดเดี่ยว อยู่อย่างไร้ตัวตน ขาดคนที่เข้าใจหรือเป็นที่ปรึกษา รับผิดแต่ไม่เคยรับชอบ ไม่เคยได้รับรางวัลหรือสิ่งตอบแทนคุณความดี ทำงานเหมือนไม่มีวันหยุด

ภาวะหมดไฟ (Miller & Smith (1993) แบ่งเป็น 5 ระยะ ดังนี้

  1. ระยะฮันนีมูน (The honeymoon) เป็นช่วงเริ่มต้นทำงาน มีไฟ สนุกกับงาน สามารถรับแรงกดดันต่างๆได้ พยายามปรับตัวให้เข้ากับองค์กร ผู้ร่วมงาน และสภาพแวดล้อมได้
  2. ระยะรู้สึกตัว (The awakening) เริ่มมีคำถามว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่?” เป็นระยะที่เริ่มรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถตอบสนองต่อการทำงานได้ มีความไม่สมดุลระหว่างปริมาณงาน ค่าตอบแทน และการเป็นที่ยอมรับในที่ทำงาน
  3. ระยะไฟตก (Brownout) เป็นระยะเริ่มต้นของภาวะหมดไฟ โดยเริ่มมีความรู้สึกเบื่อหน่าย เหนื่อยล้า มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย แปรปรวน ไม่อยากพูดคุยกับใคร
  4. ระยะหมดไฟเต็มที่ (Full scale of burnout) เป็นระยะที่หมดไฟในการทำงานอย่างสมบูรณ์ ท้อแท้ สิ้นหวัง รู้สึกล้มเหลว หมด passion ในการทำงาน รู้สึกอยู่ผิดที่ และหาทางออกด้วยการลาออก
  5. ระยะฟื้นตัว (The phoenix phenomenon) หากได้รับคำปรึกษาหรือการบำบัดเพื่อปรับวิธีคิด ปรับอารมณ์ ความรู้สึก ให้กลับมามีพลังในการทำงานต่อไปได้

การป้องกันและแก้ไข

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และ นอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลา
  2. ฝึกและพัฒนาทักษะในการทำงานอย่างมีความสุข เช่น ทักษะการบริหารเวลา (Time Management), ทักษะในการแก้ไขปัญหา (Problem Solving), ทักษะในการสื่อสาร (Effective Communication) ฯลฯ
  3. สร้างสัมพันธ์กับคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็น เจ้านาย ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนที่มีความคิดในแง่ลบ (Toxic People) และปรับทัศนคติที่จะยอมรับความแตกต่างของคน เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่อาจจะไม่ตรงกัน แตกต่างได้แต่ต้องไม่แตกแยก
  4. การเจริญสติ และฝึกการทำสมาธิ อยู่กับปัจจุบัน (Here and Now) ช่วยจัดการกับความเครียด ด้วยการปล่อยวางทางความคิด การทำจิตใจให้สบาย

แต่ถ้ายังมีความรู้สึกทุกข์ใจ ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ควรปรึกษาจิตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รับการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างทันท่วงที