ในยุคที่ความเครียดและปัญหาทางอารมณ์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพจิตของตนเอง แต่เมื่อเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า หลายคนกลับสับสนว่าควรไปพบใครก่อนดีระหว่าง “จิตแพทย์” และ “นักจิตวิทยา” ทั้งสองมีความสำคัญในระบบการดูแลสุขภาพจิต แต่มีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างจิตแพทย์กับนักจิตวิทยาจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมตรงกับสภาพอาการและความต้องการ
จิตแพทย์ (Psychiatrist) คือแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาทางแพทยศาสตร์และผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์ หรือโรคจิตเภท และสามารถสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ รวมถึงติดตามผลการรักษาด้วยการใช้ยาและเทคนิคทางการแพทย์อื่นๆ เช่น การทำ ECT (Electroconvulsive Therapy) หรือการรักษาด้วย rTMS
บทบาทหลักของจิตแพทย์คือการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชระดับกลางถึงรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและความสามารถในการทำงาน โดยการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการทางชีวภาพของสมอง ร่วมกับการให้คำปรึกษาทางจิตใจในบางกรณี
นักจิตวิทยา (Psychologist) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมและกระบวนการทางความคิด ซึ่งผ่านการศึกษาระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอกทางจิตวิทยา โดยนักจิตวิทยาคลินิกจะได้รับการอบรมเฉพาะทางเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพจิต เช่น การให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา การทำแบบประเมินทางจิต การบำบัดพฤติกรรมและอารมณ์
นักจิตวิทยาไม่สามารถสั่งจ่ายยาได้ แต่สามารถช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาเข้าใจสาเหตุของปัญหา ค้นหาวิธีการปรับตัวและรับมือกับความเครียด ความเศร้า ความกลัว หรือปัญหาความสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบำบัดทางจิตวิทยาจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่รู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือในการปรับสมดุลทางอารมณ์
รายการเปรียบเทียบ |
จิตแพทย์ (Psychiatrist) |
นักจิตวิทยา (Psychologist) |
วุฒิการศึกษา |
แพทยศาสตรบัณฑิต + วุฒิจิตเวช |
ปริญญาตรี - ป.เอกด้านจิตวิทยา |
มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ |
มี |
มี (นักจิตวิทยาคลินิก) |
การวินิจฉัยโรคจิตเวช |
ได้ |
ได้ (เบื้องต้น) |
การสั่งจ่ายยา |
ได้ |
ไม่ได้ |
การให้คำปรึกษา |
มี (ร่วมกับการรักษาด้วยยา) |
มี (เป็นหลัก) |
การทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา |
ไม่ได้ |
ได้ |
เหมาะกับผู้มีอาการ |
รุนแรงหรือมีปัญหาทางชีวภาพ |
อารมณ์ เครียด ความสัมพันธ์ |
การดูแลสุขภาพจิตไม่ใช่เพียงแค่รอให้เกิดปัญหาแล้วจึงไปพบผู้เชี่ยวชาญ แต่ควรเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ถึงอารมณ์และความคิดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าสิ่งเหล่านั้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การเข้าพบผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพใจในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังสามารถดูแลสุขภาพจิตด้วยตนเองผ่านวิธีต่างๆ เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น และการทำสมาธิหรือฝึกสติ ซึ่งล้วนช่วยส่งเสริมความสมดุลทางอารมณ์
การเลือกขอคำปรึกษาระหว่างจิตแพทย์กับนักจิตวิทยา ควรพิจารณาจากระดับความรุนแรงของอาการ ความต้องการของตนเอง และความสะดวกในการเข้ารับบริการ หากไม่แน่ใจสามารถเริ่มต้นที่นักจิตวิทยาเพื่อประเมินเบื้องต้น และหากจำเป็นก็สามารถส่งต่อไปยังจิตแพทย์ได้
การดูแลสุขภาพจิตควรได้รับความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียด ความกังวล หรือความรู้สึกไม่สบายใจใดๆ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะสุขภาพจิตที่ดีจะเป็นรากฐานสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และมีคุณภาพ
ที่พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ยินดีให้คำปรึกษาปัญหาโรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า โรคสมาธิสั้น โรคแพนิค ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาความรัก และปัญหาทางจิตเวชที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บริการดูแลครอบคลุมทางจิตเวช ทุกช่วงวัยแบบครบวงจร (One Stop Services) มีการตรวจประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจระบบประสาท และประเมินศักยภาพสมอง ผู้รับบริการจะได้รับความรู้ความเข้าใจในภาวะโรค และมีบทบาทในการวางแผนการรักษาร่วมกัน ทั้งในส่วนการรักษาด้วยยา และการทำจิตบำบัด ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าใจตนเองและผู้อื่น เรียนรู้ ปรับตัว สามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอย่างยั่งยืน
พิชญานิน คลินิก คลินิกสุขภาพใจ บริการวางแผนรักษาโรคทางจิตเวช
โทร. 063-868-9925, 02-853-3863
อีเมล pichayaninclinic@gmail.com
LINE Pichayanin Clinic
Facebook Pichayanin Clinic
Youtube Pichayanin Clinic