อารมณ์เศร้าเสียใจเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอเป็นธรรมดา ซึ่งปกติแล้วก็จะสามารถผ่อนคลายลงได้เมื่อวันเวลาผ่านไป แต่ถ้าหากอารมณ์หดหู่นี้คงอยู่เป็นระยะเวลานานจนทำให้เราตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความเศร้า กระทั่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นั่นอาจแปลว่าเรากำลังประสบกับภาวะซึมเศร้าอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีรักษาโรคซึมเศร้าด้วยวิธีการการปรับเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรม หรือ Cognitive Behavioral Therapy ที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เข้ารับการบำบัดสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
รู้เท่าทันก่อนรักษาโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า (Depression) เกิดจากความผิดปกติในการหลั่งสารสื่อประสาทในสมองที่ไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดภาวะผิดปกติของอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ โดยทำให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์ และร่างกายเป็นระยะเวลานานจนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การเข้าสังคม รวมถึงส่งผลต่อความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง สาเหตุของโรคซึมเศร้ามีอยู่หลายอย่าง โดยอาจถูกกระตุ้นจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง หรือสะเทือนใจในชีวิต เช่น การสูญเสียคนที่รัก การตกงาน ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือจะเกิดจากพันธุกรรม ฮอร์โมน การเจ็บป่วยเรื้อรัง ไปจนถึงการใช้ยา หรือสารบางชนิดก็ได้เช่นเดียวกัน
อาการของโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าอาจนำไปสู่ปัญหาการทำร้ายตนเองได้ การเข้ารับการบำบัดรักษาโรคซึมเศร้าจากจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจให้เบาบางลง ซึ่งการรักษาโรคซึมเศร้านั้นสามารถทำได้โดยการใช้ยา การเข้ารับการบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรม หรือต้องทำควบคู่กันก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยการปรับเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรม
Cognitive Behavioral Therapy (CBT) เป็นวิธีบำบัดจิตด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรม ใช้การปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความคิด และการรับรู้ของตนเองซึ่งอาจผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง การรักษาด้วยวิธีนี้มุ่งที่จะจัดการกับสภาวะอารมณ์ และกระบวนการทางความคิดที่เป็นปัญหา โดยเน้นที่การประเมิน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากกว่าในอดีต เพื่อให้ผู้ป่วยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กลับมาเป็นปกติ หลักการของ Cognitive Behavioral Therapy เชื่อว่าระบบความคิด สภาวะอารมณ์ และพฤติกรรมที่มนุษย์แสดงออกมีความเกี่ยวข้อง และส่งผลต่อกัน และกัน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิดแง่ลบ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และการแสดงออกทางอารมณ์ให้เป็นไปในทางที่ดีได้ปกติแล้วการรักษาโรคซึมเศร้าจะใช้เวลาครั้งละประมาณ 30 – 60 นาที โดยจะรักษาเป็นเวลา 5 – 20 ครั้ง ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการบำบัดทุก 1 – 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการ ผู้ป่วยส่วนมากจะรู้สึกว่าอาการเริ่มดีขึ้นในช่วงสองเดือนแรกหลังได้รับการบำบัด แต่ผลลัพธ์ของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเช่นกัน หากมีความร่วมมือในการรักษา พร้อมเปิดใจยอมรับ เข้ารับการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนการรักษาโรคซึมเศร้าก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และถ้าหากผู้ป่วยสามารถปรับความคิด และพฤติกรรมของตนเองตามที่วางเป้าหมายไว้ได้แล้ว รวมทั้งนำหลักการของการรักษาไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ก็อาจไม่ต้องรับการรักษาอีก
แม้การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยวิธี Cognitive Behavioral Therapy อาจไม่สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และความคิดได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ดังนั้นจึงควรเข้ารับการบำบัดกับจิตแพทย์ที่มีประสบการณ์ และสามารถให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพที่สุด
ที่พิชญานิน คลินิก คลินิกสุขภาพใจ พร้อมรับฟังปัญหา และบริการวางแผนการรักษาโรคซึมเศร้า โรคแพนิค โรคนอนไม่หลับ โรควิตกกังวล โรคสมาธิสั้น และปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รับปรึกษาปัญหาความรัก หรือปรึกษาปัญหาโรคจิตเวชอื่น ๆ โดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดูแลครอบคลุมทั้งบริการทางจิตเวชทั่วไปในเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ มีการตรวจประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด ทั้งด้านการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ระบบประสาท และประเมินศักยภาพสมอง สามารถให้คำปรึกษาในกลุ่มอาการหลากหลายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของท่าน หรือคนที่ท่านรัก เพื่อเพิ่มสมาธิให้กับจิตใจ และทำให้คุณได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตมากขึ้น ผู้รับบริการจะได้รับความรู้ความเข้าใจในภาวะโรค และมีบทบาทในการวางแผนการรักษาร่วมกัน ทั้งในส่วนการรักษาด้วยยา และการทำจิตบำบัด
พิชญานิน คลินิก คลินิกสุขภาพใจ บริการวางแผนรักษาโรคทางจิตเวช
โทร. 063-868-9925, 02-853-3863
อีเมล pichayaninclinic@gmail.com